“อนุทิน” รับสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัว กระจ่างทอง อาศัยในเพิงทรุดโทรม สานฝันพลทหารธีรยุทธ วีระบุรุษสละชีพปกป้องแผ่นดิน
“อนุทิน” รับสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัว กระจ่างทอง อาศัยในเพิงทรุดโทรม สานฝันพลทหารธีรยุทธ วีระบุรุษสละชีพปกป้องแผ่นดิน
วันที่ 3 สิงหาคม 2568 นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พันเอกสมโชค จันทาสี รองผู้บัญชาหารมณฑลทหารบกที่ 26/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ (ท.) ผู้แทนเหล่ากาชาดจังหวัด สมาชิกวุฒิสภ และหลายหน่วยงานรวมถึงภาคเอกชนได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของแก่ครอบครัวพลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง อายุ 22 ปี ทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการสู้รบปกป้องอธิปไตยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 พร้อมทั้งตรวจดูสภาพบ้านที่ครอบครัวอยู่อาศัยในปัจจุบัน พบเป็นเพิงเล็กๆ ทรุดโทรม หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าผุพัง ใช้เศษไม้และเศษผ้าปิดแทน ฝาพนังป้องกันแดนฝน ซึ่งกรณีดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ประสานผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ รับเป็นเจ้าภาพก่อสร้างหลังใหม่ให้กับครอบครัว “กระจ่างทอง” เพื่อสานฝันให้กับพลทหารธีรยุทธ ที่สละชีวิตปกป้องอธิปไตยของชาติจนวินาทีสุดท้าย ซึ่งหลังจากการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงแล้วก็จะได้หาหรือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนในการก่อสร้างบ้านให้กับครอบครัวพลทหารธีรยุทธ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รับเป็นเจ้าภาพสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัว “กระจ่างทอง” ที่อาศัยอยู่ในเพิงเล็กๆ หลังคามุงด้วยสังกะสีผุพัง ไม้เก่าและเศษผ้าปิดเป็นฝาพนังป้องกันแดดฝน เพื่อสานฝันให้พลทหารธีรยุทธ ที่สละชีพปกป้องแผ่นดิน ขณะผู้ว่าฯ ร่วมกับหลายหน่วยงานรุดตรวจเยี่ยมมอบสิ่งของ และเตรียมหารือแนวทางสร้างบ้าน แม่น้ำตาไหลขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยสานฝันให้ลูกชาย ส่วนเงินที่มูลนิธิ “กัน จอมพลัง” มอบช่วยเหลือ 1 ล้าน จะนำไปชำระหนี้ ไถ่ถอนที่ดิน และเก็บไว้ใช้ ในบั้นปลายชีวิต นางติน กระจ่างทอง แม่ของพลทหารธีรยุทธ ก็กล่าวทั้งน้ำตาว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือ และอาสาจะก่อสร้างบ้านให้เพื่อสานฝันให้กับลูกชายที่เคยสัญญากับพ่อแม่ไว้ว่าหลังจากปลดประจำการทหารแล้วจะพยายามสอบเข้ารับราชการทหารให้ได้เพื่อจะสร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่อย่างสุขสบาย
แต่ก็มาเสียชีวิตก่อนหัวอกคนเป็นแม่ก็เสียใจที่สูญเสียลูก แต่ก็ภูมิใจที่ลูกได้รับใช้ชาติ ก็ขอบคุณทุกคนที่ช่วยสายฝันให้กับดวงวิญญาณของลูกชาย ส่วนเงินที่มูลนิธิ “กัน จอมพลัง” มามอบช่วยเหลือครอบครัวก่อนหน้านี้จำนวน 1 ล้านบาท ครอบครัวก็ซาบซึ้งมากซึ่งก็จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระหนี้ค่างวดรถของลูกชายที่ยังผ่อนค้างอยู่ 5 หมื่นบาท ไถ่ถอนที่ดิน 7 หมื่นบาท หนี้กองทุนเงินบ้าน 1 หมื่นบาท หนี้สหกรณ์อีก 5 หมื่นบาทส่วนที่เหลือพ่อแม่ก็จะเก็บไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า วันนี้หลายภาคส่วนได้ลงมาเยี่ยมบ้านของพลทหาร ธีรยุทธ ที่เสียชีวิตจากการสู้รบปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็อาสาที่จะรับสร้างบ้านให้กับครอบครัวเพื่อสานฝันให้กับพลทหารธีรยุทธ ที่เคยมีเจตนารมณ์ไว้ก่อนจะเสียชีวิตในสนามรบตั้งใจสร้างบ้านให้กับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งทางภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาหลายคน ก็อยากสานฝันให้กับน้อง เพื่อให้ดวงวิญญาณของน้องที่สละชีพเพื่อชาติ ไปสู่สุขคติ สำหรับแนวทางการก่อสร้างบ้านและการช่วยเหลือครอบครัวของพลทหารธีรยุทธ ทุกภาคส่วนจะมีการพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวของน้องทหารกล้า อีกครั้ง ส่วนเรื่องเงินบริจาคก็จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ เงินบริจาคจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่บริจาคเข้าบัญชีของครอบครัวโดยตรง ซึ่งหากเป็นเงินที่ภาครัฐช่วยเหลือก็จะมีทาง พมจ.และทางอำเภอ เข้ามาช่วยติดตามดูแล หากเป็นของภาคเอกชนที่บริจาคให้ทางครอบครัวโดยตรง ก็ขึ้นอยู่กับทางครอบครัวที่จะบริหารจัดการ ภาครัฐจะไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เพราะเป็นเจตนารมณ์ของผู้บริจาค
ขอบพระคุณภาพ/ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์
พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร รายงาน
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า วันนี้หลายภาคส่วนได้ลงมาเยี่ยมบ้านของพลทหาร ธีรยุทธ ที่เสียชีวิตจากการสู้รบปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็อาสาที่จะรับสร้างบ้านให้กับครอบครัวเพื่อสานฝันให้กับพลทหารธีรยุทธ ที่เคยมีเจตนารมณ์ไว้ก่อนจะเสียชีวิตในสนามรบตั้งใจสร้างบ้านให้กับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งทางภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาหลายคน ก็อยากสานฝันให้กับน้อง เพื่อให้ดวงวิญญาณของน้องที่สละชีพเพื่อชาติ ไปสู่สุขคติ สำหรับแนวทางการก่อสร้างบ้านและการช่วยเหลือครอบครัวของพลทหารธีรยุทธ ทุกภาคส่วนจะมีการพูดคุยกันในวันพรุ่งนี้ เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการช่วยเหลือดูแลครอบครัวของน้องทหารกล้า อีกครั้ง ส่วนเรื่องเงินบริจาคก็จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ เงินบริจาคจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่บริจาคเข้าบัญชีของครอบครัวโดยตรง ซึ่งหากเป็นเงินที่ภาครัฐช่วยเหลือก็จะมีทาง พมจ.และทางอำเภอ เข้ามาช่วยติดตามดูแล หากเป็นของภาคเอกชนที่บริจาคให้ทางครอบครัวโดยตรง ก็ขึ้นอยู่กับทางครอบครัวที่จะบริหารจัดการ ภาครัฐจะไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย เพราะเป็นเจตนารมณ์ของผู้บริจาค
ขอบพระคุณภาพ/ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์
พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร รายงาน