บึงกาฬ... ลุงหื่นข่มขืนหลานสาวพิการอายุ12 ปี อาศัยจังหวะผู้ปกครองออกจากบ้านไปกรีดยาง
บึงกาฬ... ลุงหื่นข่มขืนหลานสาวพิการอายุ12 ปี อาศัยจังหวะผู้ปกครองออกจากบ้านไปกรีดยาง
จากกรณีเพ็จข่าวท้องถิ่นบึงกาฬเสนอข่าวลุงหื่นบ้านติดกันอาศัยจังหวะพ่อแม่ออกจากบ้านไปกรีดยางย่องเข้าหลังบ้านซึ่งไม่มีประตูปิดกั้นบุกข่มขืนหลานสาวพิการแขนหลีบวัยเพียง 12 ขวบ โดยข่มขู่ไม่ให้บอกให้ใครรู้ แต่ย่ามใจจะบุกไปข่มขืนอีกครั้ง คราวนี้ใจสู้ แต่ร่างกายไม่สู้ ไอ้หนูอ่อนปวกเปียก ประกอบกับเมียมาตามจึงกลับเข้าบ้าน ความเลยแตกพอแม่กลับมาจากกรีดยางจึงฟ้องแม่ และเดินทางเข้าแจ้งความภายในคืนนั้น และเผ่นหนีไปกบดานทางภาคตะวันออก เรื่องซาๆ จึงหวนกลับมารับกรรมที่ก่อไว้
วันที่ 15 พ.ค.พ.ต.อ.ญาณะธัช ชัยพชรโชติ ผกก.สภ.ศรีวิไล พ.ต.อ.จตุพร เนวะมาตย์ ผกก.ตม.จว.บึงกาฬ พ.ต.ท.พชรพล พรมตวง รอง ผกก.สส.สภ.ศรีวิไล สั่งการให้ พ.ต.ต.ธีรวุฒิ เครือเนตร สส.สภ.ศรีวิไล ร.ต.อ.พัฒนากร วรกา ต.ต.สมพงษ์ ศรีกงพาน ด.ต.นิรันดร จรนามน เข้าจับกุมนายบุญมี ศรีบุญ อายุ 56 ปี สัญชาติไทย ที่อยู่ บ้านเลขที่ 48 ม.11 ตำบลชุมภูพร อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภรรยา หรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม" ตามหมายจับศาลจังหวัดบึงกาฬที่ 99 /2568 ลงวันที่ 29 เมษายน 2568
จากเพ็จดังกล่าวได้บรรยายว่านางนารี (ขอสงวนนามสกุล)ประมาณ 22.52 น.วันที่ 21 เม.ย.ได้จูงแขน ด.ญ.เอ นามสมมติ ขึ้น สภ.ศรีวิไล อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ เข้าพบ ร.ต.อ.เสกสรรค์ นาห่อม รอง สว(สอบสวน) ว่าถูก นายบุญมี ศรีบุญ อายุ 56 ปี ซึงมีศักดิ์เป็นลุงคือเป็นพี่เขยของตัวเองบุกเข้าไปข่มขืนลูกสาวของตัวเองที่เป็นคนพิการแขนหลีบ 1 ข้างขณะตัวเองออกจากบ้านไปกรีดยางพาราที่สวน โดยลูกสาวได้เล่าให้ตนฟังเนื่องว่าขณะที่ตนออกจากบ้านไปกรีดยาง นายบุญมี มักย่องเข้าไปหลังบ้านขึ้นไปข่มขืนหลายครั้งจนสำเร็จความใคร่หลายครั้ง จึงขอแจ้งความให้ดำเนินคดีกับญาติคนนี้ด้วยรุ่งเช้าพอตำรวจบุกเข้าไปจะจับกุม ลุงแสบคนนี้ก็หายออกจากบ้านไป จึงฝากให้ตำรวจช่วยติดตามตัวญาติคนนี้มาดำเนินคดีให้ด้วย
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งศาลจังหวัดบึงกาฬออกหมายจับและแรงกดดันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ผู้ต้องหาทนสภาพหรือแรงกดดันไม่ไหวจึงเป็นห่วงลูกเมีย โดยเฉพาะเมียที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์รักษาอาการมาปีกว่าแล้วยังไม่หายดีเลย นายบุญมี ศรีบุญ อายุ 56 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬหลังจากถูกตำรวจ สภ.ศรีวิไลไปรับตัวมาจากบ้านพัก บ้านเลขที่ 48 ม.11 ต.ชุมภูพร อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากทราบว่า นางนารี(ขอสงวนนามสกุล)แม่ของด.ญ.เอ นามสมมติ วัย 12 ปี พาลูกสาวเคราะห์ร้ายพิการแขนหลีบที่ถูกตัวเองบุกเข้าไปข่มขืนหลายครั้งและพูดจาข่มขู่ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ วันนั้นตนกลับมาจากทุ่งนา มีความรู้สึกว่าเจ็บเอวมาก เนื่องจากว่าใช้เครื่องไถนาเดินตามจนเอวเคล็ดขัดยอก จึงเอ่ยปากขอยาแก้ปวดจากพ่อตามากิน 2 เม็ด จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าต่างบ้าน ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่าง ด.ญ.เอ ห่างกันเพียง 7 เมตร เห็นแสงไฟจากโทรศัพท์วาบๆ เหมือนส่งสัญญาณให้ไปหา จึงแอบเดินเข้าไปหลังบ้าน เนื่องจากไม่มีเป็นห้องนอน เป็นเพียงห้องมีม่านรูดปิดเปิดเท่านั้น จึงเข้าไปถึงตัวได้ง่าย พอถึงตัวจึงถอดกางเกงน้องเขาออก เพราะเป็นกางเกงหัวยืดจึงถอดได้ง่าย ส่วนของตัวเองก็ จัดการเรียบร้อย แต่ไอ้น้องของเรากลับไม่สู้อ่อนปวกเปียกไม่เอาไหน พยายามอยู่ประมาณ 10-15 นาทีเห็นท่าไม่สู้แน่ ประกอบกับได้ยินเสียงเมียเรียกหา จึงตกใจขืนสู้ต่อคงไม่ไหว จึงยอมถอยทัพกลับเข้าบ้าน จึงยอมเล่าความจริงให้เมียฟังวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19:00 น ตัวเอง เพิ่งกลับจาก ไถนาเดินตามมา แต่รู้สึกว่าเจ็บหลังมาก จึงได้ ไปขอยา แก้ปวดจากพ่อตาอยู่ที่นั่งอยู่หน้าบ้านมากิน 2 เม็ด ขณะที่ยืนอยู่ขอบหน้าต่าง มองไปทางบ้านหลาน อายุประมาณ 12 ปี ซึ่งเป็นหลานสาว เป็นญาติทางเมียได้ ส่องไฟผ่านทางโทรศัพท์มือถือกระพริบๆมา เหมือนกับว่าเรียกตัวเองให้ไปหาอยู่ที่บ้าน เป็นเพียงม่านปิดเปิดเฉยๆ ไม่ใช่เป็นประตูบ้าน จึงเดินเข้าไปโอบกอด แล้วก็ถอดกางเกง ซึ่งเป็นกางเกงยางยืดหูรูด จึงถอดกางเกงผู้เสียหายลง แต่ว่าเนื่องจากว่าตัวเองอวัยวะเพศไม่แข็งตัว จึงได้พยายามเอาสอดอวัยวะเพศสอดใส่ แต่ก็พยายามอยู่หลายรอบ ก็ไม่สำเร็จไม่สู้สักทีนึ่ง เนื่องจากตัวเองมีปัญหา เจ็บที่เอว ไปไถนาใช้รถเดินตาม และน้องชายจึงไม่สู้ พยายามสอดใส่อยู่หลายรอบก็ไม่ได้ ใช้เวลาอยู่นาน เห็นท่าไม่ดี และก็ ไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นจังหวะเดียวกันที่ ภรรยาเดินมาเรียก ให้กลับบ้าน ขณะนั้น ภรรยารู้แล้วว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เนื่องจากว่าหลานสาวก็ปันใจให้ด้วย เพราะภรรยาก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์มา 1 ปีกว่าแล้ว รักษาก็ยังไม่หาย จึงได้พยายามข่มขืนหลาน ในคืนนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงได้เล่าความจริงให้ภรรยาฟัง ก็เห็นใจและเข้าใจ จึงให้เงินไว้ 2,000 บาทให้หลบหนีไปก่อน เพื่อให้เรื่องมันซาๆ ค่อยกลับมา จึงได้ไปกบดานที่บ้านญาติภรรยาคนหนึ่งที่บ้านดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ แต่พักอยู่ที่นั่นได้ 1 คืนเช้ามาก็ได้มารอขึ้นรถโดยสารที่คิวรถ อ.พรเจริญ ไปลงที่ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี และขึ้นรถโดยสารต่อไปที่ จ.ระยอง ลงที่มาบตาพุด และไปนอนพักอาศัยอยู่บ้านเพื่อน และไปหาเก็บเห็ดป่ามาขายได้เงินมา 2.000 บาท พักอยู่ที่นั่นเกือบเดือน คิดว่าเรื่องคงเงียบไปแล้ว จึงย้อนกลับมาบ้าน หารู้ไหมว่าตำรวจ สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ กำลังติดตามเอาเรื่องอยู่ เพราะว่าเป็นคดีสำคัญศาลจังหวัดบึงกาฬก็ออกหมายจับแล้วดังกล่าว.
นิธิศักดิ์ เศรษฐแสงศรี//บึงกาฬ 0933199399